เมนูนำทาง
วัคซีนโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า สังคมและวัฒนธรรมการร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเบื้องต้นหวังว่า มีโอกาสสร้างวัคซีนราคาถูกที่ไม่ต้องแช่แข็งในตู้พิเศษ[186]แต่ปัญหาต่าง ๆ ที่บริษัทมีรวมทั้งการสื่อสารไม่ดี การส่งวัคซีนไม่ได้ตามกำหนด รายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ การระงับใช้วัคซีนในประเทศต่าง ๆ และปัญหาทางการเมืองรวมทั้งข้อโต้แย้งของบริษัทกับคณะกรรมาธิการยุโรป จัดเป็นความเสียหายทางประชาสัมพันธ์[187]ซึ่งนักวิชาการเชื่อว่า ทำให้ประชาชนลังเลไม่ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น[186]
ถึงกระนั้น วัคซีนก็ยังเป็นองค์ประกอบหลักของโปรแกรมโคแวกซ์ซึ่งองค์การอนามัยโลกสนับสนุน[186]โดยองค์การทางสาธารณสุขต่าง ๆ รวมทั้งองค์การอนามัยโลกเอง สำนักงานการแพทย์ยุโรป และองค์กรควบคุมเวชภัณฑ์ (MHRA) ของสหราชอาณาจักร ก็ยังคงยืนหยัดว่า วัคซีนมีประโยชน์ยิ่งกว่าผลไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น[188]
ผู้ซื้อ | วันที่ | โดส |
---|---|---|
สหราชอาณาจักร | 17 พ.ค. 2020[lower-alpha 1] | 100 ล้าน[189][190] |
สหรัฐอเมริกา | 21 พ.ค. 2020 | 300 ล้าน[191] |
โคแวกซ์ (องค์การอนามัยโลก) | 4 มิ.ย. 2020 | 300 ล้าน[192] |
29 ก.ย. 2020 | 100 ล้าน[193] | |
อียิปต์ | 22 มิ.ย. 2020 | ไม่ทราบแน่ชัด[194] |
ญี่ปุ่น | 8 ส.ค. 2020 | 120 ล้าน[195] |
ออสเตรเลีย | 19 ส.ค. 2020 | 25 ล้าน[196] |
สหภาพยุโรป[lower-alpha 2] | 27 ส.ค. 2020[lower-alpha 3] | 400 ล้าน[197][198][199][200] |
แคนาดา | 25 ก.ย. 2020 | 20 ล้าน[201][202] |
สวิตเซอร์แลนด์ | 16 ต.ค. 2020 | 5.3 ล้าน[203][204] |
บังกลาเทศ | 5 พ.ย. 2020 | 30 ล้าน[205] |
ไทย | 27 พ.ย. 2020[lower-alpha 4] | 26 ล้าน[206] |
21 ม.ค. 2021[lower-alpha 5] | ||
4 พ.ค. 2021[lower-alpha 6] | 35 ล้าน[208][209] | |
21 พ.ค. 2021[lower-alpha 5] | ||
ฟิลิปปินส์ | 27 พ.ย. 2020 | 2.6 ล้าน[210] |
เกาหลีใต้ | 1 ธ.ค. 2020 | 20 ล้าน[211] |
แอฟริกาใต้ | 7 ม.ค. 2021 | 1 ล้าน[lower-alpha 7][212] |
|
การตกลงซื้อวัคซีนได้เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 โดยสหราชอาณาจักรจะได้วัคซีน 100 ล้านโดสก่อนประเทศอื่นถ้าการทดลองสำเร็จ โดยข้อตกลงก็ได้เสร็จสมบูรณ์เมื่อปลายเดือนสิงหาคม[189][190][213][214]
ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2020 บริษัทตกลงขายวัคซีน 300 ล้านโดสให้แก่สหรัฐอเมริกาโดยมีมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดสหนึ่งจึงมีราคา 4 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 125 บาท)[191]โฆษกบริษัทแจ้งว่า ราคานี้รวมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและการทดลองทางคลินิกด้วย[215]บริษัทยังตกลงถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่รัฐบาลเม็กซิโกและอาร์เจนตินาเพื่อผลิตวัคซีนอย่างน้อย 400 ล้านโดสเพื่อแจกจำหน่ายทั่วลาตินอเมริกาตัวยาออกฤทธิ์จะผลิตในอาร์เจนตินาแล้วส่งไปยังเม็กซิโกเพื่อทำให้เสร็จพร้อมแจกจำหน่าย[216]
ในเดือนมิถุนายน 2020 บริษัทยังได้ตกลงกับบริษัทยาชีวภาพอเมริกันคือ Emergent BioSolutions เพื่อผลิตวัคซีนโดยเฉพาะให้แก่สหรัฐ โดยมีมูลค่า 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,700 ล้านบาท)นี่เป็นส่วนของโปรแกรมปฏิบัติการเหนือแสง (Operation Warp Speed) ของรัฐบาลกลางสหรัฐเพื่อเร่งพัฒนาและผลิตวัคซีนโควิด-19 ก่อนสิ้นปี 2020[217]
ในเดือนมิถุนายนเช่นกัน สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย (Serum Institute of India) ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก ได้สิทธิจากบริษัทให้ผลิตวัคซีน 1,000 ล้านโดสสำหรับประเทศมีรายได้น้อยจนถึงปานกลาง รวมทั้งอินเดียเอง[218][219]ในเดือนมิถุนายนเช่นกัน โปรแกรมโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลกเริ่มต้นซื้อวัคซีนเป็นจำนวน 300 ล้านโดสจากบริษัทเพื่อประเทศรายได้ต่ำจนถึงปานกลาง[220]ต่อมาวันที่ 29 กันยายน 2020 มูลนิธิบิลและเมลินดาเกตส์จึงบริจาคทรัพย์ซึ่งช่วยให้โปรแกรมสามารถซื้อวัคซีนเพิ่มขึ้นอีก 100 ล้านโดส โดยอาจเป็นวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าหรือของโนวาแว็กซ์ และจำกัดราคาที่ 3 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส (ประมาณ 94 บาท)[221]
ในวันที่ 13 มิถุนายน 2020 บริษัทเซ็นสัญญากับกลุ่ม Inclusive Vaccines Alliance ของยุโรป ซึ่งจัดตั้งโดยประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และเนเธอร์แลนด์เพื่อส่งวัคซีน 400 ล้านโดสให้แก่รัฐสมาชิกของสหภาพยุโรปทั้งหมด[222][223][224]แต่ต่อมาคณะกรรมาธิการยุโรปได้เข้าไปขวางก่อนที่ข้อตกลงจะออกมาอย่างเป็นทางการแล้วรับช่วงต่อรองในนามของสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรปทั้งหมดเองโดยได้เซ็นสัญญาท้ายเดือนสิงหาคม[225][226][227]
ในเดือนพฤศจิกายน 2020 บังกลาเทศได้เซ็นสัญญาไตรภาคีกับสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียและบริษัทยา Beximco Pharma แห่งบังกลาเทศเป็นการสั่งวัคซีน 30 ล้านโดสของรัฐบาลจากสถาบันผ่านบริษัทยาในราคา 4 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส[205]นี่เท่ากับเพิ่มวัคซีนที่รัฐบาลอินเดียบริจาคให้บังกลาเทศอีก 3.2 ล้านโดส ซึ่งสถาบันก็เป็นผู้ผลิตเช่นกันแต่ปรากฏว่าในเดือน 2 เดือนแรกแห่งปี 2021 สถาบันสามารถส่งวัคซีนให้ได้เพียง 7 ล้านโดส[228]บังกลาเทศควรจะได้วัคซีน 5 ล้านโดสต่อเดือนแต่ก็ไม่ได้เลยในเดือนมีนาคมและเมษายน[229]จึงทำให้โปรแกรมฉีดวัคซีนให้ประชาชนของประเทศต้องชะงักไปเพราะขาดวัคซีน[229]คนโดยมากที่ได้วัคซีนโดสที่หนึ่งก็จะไม่ได้โดสที่สองอย่างทันการ[228]ซึ่งน่าจะลดประสิทธิภาพของโปรแกรมฉีดวัคซีน อนึ่ง คนบังกลาเทศก็สงสัยในเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนอยู่แล้ว[228]บังกลาเทศจึงต้องหาแหล่งวัคซีนอื่น ๆ เพราะอินเดียไม่สามารถแจกจำหน่ายให้ตามกำหนดการ[230]
ในเดือนพฤศจิกายนเช่นกัน ประเทศฟิลิปปินส์ตกลงซื้อวัคซีน 2.6 ล้านโดส[210]โดยสื่อรายงานว่ามีค่าราว ๆ 700 ล้านเปโซ (ประมาณ 5.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส)[231]
ในเดือนธันวาคม 2020 เกาหลีใต้เซ็นสัญญากับแอสตร้าเซนเนก้าเพื่อซื้อวัคซีน 20 ล้านโดส โดยมีราคาใกล้ ๆ กับที่ไทยและฟิลิปปินส์จ่าย[211] และคาดว่า อาจได้ล็อตแรก ๆ เร็วถึงเดือนมกราคม[232][233]บริษัทได้เซ็นสัญญากับบริษัท SK Bioscience ของเกาหลีใต้เพื่อผลิตวัคซีนโดยมีข้อบังคับให้ผลิตเพื่อทั้งเกาหลีใต้เองและตลาดโลกด้วย[234]
ในเดือนเดียวกัน ประเทศพม่าได้เซ็นสัญญากับสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียเพื่อซื้อวัคซีน 30 ล้านโดสโดยจะได้วัคซีนสำหรับประชาชน 15 ล้านคนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021[235]
วันที่ 7 มกราคม 2021 แอฟริกาใต้ประกาศว่าได้รับวัคซีน 1 ล้านโดสเบื้องต้นจากสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ซึ่งจะตามมาอีกครึ่งล้านโดสในเดือนกุมภาพันธ์[212]แต่ต่อมารัฐบาลได้ยกเลิกใช้วัคซีนเนื่องจากงานทดลองขนาดเล็กที่ทำพบว่า ไม่สามารถป้องกันอาการโรคขนาดน้อยจนถึงปานกลางสำหรับสายพันธุ์โควิด-19 หลักในพื้นที่คือ 501Y.V2 ได้ดีพอแล้วขายให้แก่ประเทศแอฟริกาอื่น ๆ โดยเปลี่ยนไปใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันแทน[121][236]
ในวันที่ 22 มกราคม 2021 แอสตร้าเซนเนก้าประกาศว่า ถ้าสหภาพยุโรปให้อนุมัติวัคซีนของบริษัท วัคซีนที่จะส่งให้แก่สหภาพยุโรปในเดือนมีนาคม 2021 จริง ๆ จะอยู่ที่ 31 ล้านโดส ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้คือ 80 ล้านโดส เพราะโรงงานในเบลเยียมมีปัญหาการผลิต[237]ในการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อิตาลี ประธานบริหารบริษัทกล่าวว่า แผนการส่งวัคซีนในสหภาพยุโรปล้าหลังไปสองเดือน เพราะการเพาะเลี้ยงเซลล์ที่ได้น้อยในหน่วยผลิตยุโรปขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง[238]และการวิเคราะห์เหตุการณ์ในหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนก็ระบุว่าเครื่องผลิตชีวภาพ (bioreactor) ในโรงงานเบลเยียมให้ผลผลิตน้อย โดยให้ข้อสังเกตด้วยว่า การจัดตั้งกระบวนการผลิตเยี่ยงนี้ยากเพราะปริมาณผลผลิตที่ได้มักไม่แน่นอน[239]ต่อมา สหภาพยุโรปจึงระงับการส่งออกวัคซีนแล้วก็เกิดข้อโต้แย้งว่า มีวัคซีนที่เบี่ยงส่งไปให้สหราชอาณาจักรหรือไม่ และการส่งวัคซีนให้ไอร์แลนด์เหนือจะถูกระงับหรือไม่[240]
ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2021 สำนักงานวารสารศาสตร์เชิงสืบสวน (Bureau for Investigative Journalism) ในนครลอนดอนพบว่า แอฟริกาใต้จ่ายค่าวัคซีนเป็นสองเท่าของคณะกรรมการยุโรป และยูกันดาจ่ายเป็นสามเท่า เพราะผู้ผลิตวัคซีนคือ สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ไม่ได้สัญญาผลิตวัคซีนแบบไม่เอากำไร ไม่ขาดทุน[241][242]วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2021 โคแวกซ์ได้ส่งวัคซีนที่ได้เบื้องต้นไปยังเมืองอักกรา ประเทศกานา เป็นประเทศแรกในแอฟริกาที่ได้วัคซีนผ่านโปรแกรมนี้[243]
ในเดือนพฤศจิกายน 2020 คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติงบประมาณ 6,000 ล้านบาทเพื่อสั่งจองวัคซีนจากบริษัทจำนวน 26 ล้านโดสพอสำหรับคน 13 ล้านคน (ประมาณ 1/5 ของประเทศตามสำมะโน) โดยจะซื้อในราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 151 บาท) ต่อโดส และที่เหลือ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) จะใช้เพื่อดำเนินการและเก็บรักษา โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า เป็นราคาต้นทุน ในฐานะที่ไทยร่วมผลิต[33][244][245][246]วัคซีนส่วนนี้คาดว่าจะส่งในระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2021[34]คือเดือน มิย. 6 ล้านโดส, เดือน กค. และ สค. เดือนละ 10 ล้านโดส[36][37]
ในเดือนมกราคม 2021 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้อนุมัติให้นำเข้าและใช้วัคซีนเป็นเวลา 1 ปี[247]หลังเกิดจากข้อโต้แย้งเกี่ยวกับวัคซีน บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) ก็อธิบายว่า ราคาวัคซีนสำหรับแต่ละประเทศจะขึ้นอยู่กับค่าผลิตและความแตกต่างทางโซ่อุปทานต่าง ๆ รวมทั้งกำลังการผลิต ค่าแรงงาน และราคาวัตถุดิบ[248]สยามไบโอไซเอนซ์ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธยจะได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีจากแอสตร้าเซนเนก้า[249]เพื่อรับจ้างผลิตวัคซีนโดยแอสตร้าเซนเนก้าจะนำไปแจกจำหน่ายในเขตอาเซียนรวมทั้งประเทศไทยเอง โดยมีกำลังการผลิตถึง 200 ล้านโดสต่อปี[250]ซึ่งในช่วงการระบาดทั่วของโรค บริษัททั้งสองจะทำการเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ด้วยนโยบายไม่ได้กำไร ไม่ขาดทุน
ในเดือนมีนาคม 2021 คณะรัฐมนตรีไทยได้อนุมัติงบประมาณอีก 6,387 ล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีนเพิ่ม 35 ล้านโดสโดย 5,674 ล้านบาทเป็นค่าวัคซีน (ประมาณ 162 บาทหรือ 5.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส) และ 714 ล้านบาทเป็นค่าบริหารจัดการ[208][209]วัคซีนล็อตนี้คาดว่าจะส่งในระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม 2021[34]คือเดือน กย.-พย. เดือนละ 10 ล้านโดสและเดือน ธค. อีก 5 ล้านโดส[36][37]
จนถึงปลายเดือนเมษายน 2021 ประเทศไทยได้สั่งวัคซีนชนิดนี้รวมทั้งหมดแล้ว 61 ล้านโดส[34]
ในต้นเดือนพฤษภาคม 2021 บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) ประกาศว่า ตัวอย่างวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยได้ผ่านการทดสอบคุณภาพในห้องปฏิบัติการที่บริษัทเป็นผู้กำหนดทั้งในสหรัฐและยุโรปแล้ว[251][252]
ในต้นเดือนมิถุนายน 2021 บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) ประกาศว่าจะเริ่มทยอยส่งวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยล็อตแรกจำนวน 1.8 ล้านโดสให้แก่รัฐบาล[253][254]
ในวันที่ 15 กรกฎาคม กระทรวงสาธารณสุขได้บอกแก้แผนการส่งวัคซีนให้แก่ไทยว่า วัคซีน 61 ล้านโดสที่ไทยได้สั่งซื้อ จะมาครบไม่ใช่ในเดือนธันวาคม 2021 ที่ก่อนหน้านี้เคยระบุไว้ แต่อาจเป็นเดือนพฤษภาคม 2022[40]ต่อมาในวันที่ 17 กรกฎาคม สำนักข่าวอิศราจึงได้เปิดเผยหนังสือ "ลับ" วันที่ 25 มิถุนายนที่รองประธานฝ่ายกิจการองค์กรทั่วโลกของบริษัทได้ส่งให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หนังสือมีใจความเกี่ยวกับการผลิตและการส่งวัคซีนให้แก่ประเทศไทยดังนี้
แม้สำนักข่าวบีบีซีจะระบุว่า ไม่สามารถยืนยันหนังสือลับที่สำนักข่าวอิศราเปิดเผยออกมาได้[41]แต่ในวันที่ 24 กรกฎาคม ประธานบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) ก็ระบุใน จม. เปิดผนึกถึงพี่น้องชาวไทยว่า จะส่งวัคซีนให้ประเทศไทยได้โดยเฉลี่ย 5-6 ล้านโดสจริงโดยระบุด้วยว่า กำลังปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่บริษัทมั่นใจว่า จะทำให้ส่งวัคซีนได้มากขึ้นอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า[39][257]
จนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2021 ประเทศไทยได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด 8,193,500 โดส คือญี่ปุ่นบริจาคให้ 1,053,000 โดสและบริษัทส่งให้ที่เหลือ 7,140,500 โดสโดยส่ง 1,651,100 โดสให้ในเดือนกรกฎาคม[41][42]
ในปลายเดือนกรกฎาคม เจ้าหน้าตำรวจ จ. ชลบุรีได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายที่ได้เรียกเงิน 19,000 บาทจากผู้เสียหาย 5 คนโดยแอบอ้างว่าจะฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ให้แล้วฉีดน้ำเกลือให้แทน ส่วนผู้เสียหายกลับรู้ตัวเพราะต้องการใบรับรองและการฉีดเข็มที่ 2 แต่ไม่ได้ จึงโทรไปถาม รพ. ที่ผู้ต้องสงสัยอ้างว่าได้สิทธิการจองแล้วจึงพบว่า รพ. ไม่ได้ฉีดวัคซีนและไม่มีการจอง[258][259][260]ในปลายเดือนกรกฎาคมเช่นกัน ผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อได้แจ้งความว่ามีการทุจริตจัดคิวจากค่ายโทรศัพท์รายหนึ่งอย่างผิดปกติโดยเพิ่มขึ้นเกิน 2,000 คน ในจำนวนนั้น 300 คนได้รับวัคซีนและกันไว้เป็นพยาน จึงทราบจากพยานเหล่านี้ว่า ถูกเรียกเก็บเงินรายละ 500-1,000 บาท[261][262][263]
สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียผลิตวัคซีนโดยใช้ตราสินค้า Covishield[2]ในสหภาพยุโรป วัคซีนเริ่มใช้ตราสินค้า Vaxzevria ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2021[1]ตัวบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเองได้ผลิตวัคซีนโดยใช้ตราสินค้านี้บวกกับ AstraZeneca COVID‐19 Vaccine และ COVID-19 Vaccine AstraZeneca[1][2]
ในต้นเดือนกรกฎาคม ตำรวจอินเดียได้จับกุมผู้ต้องหา 14 คนฐานฉีดน้ำเกลือให้แก่ประชาชนโดยหลอกลวงว่าเป็นวัคซีนแอสตร้าฯ และฉีดให้ในที่เอกชนเกิน 10 แห่งในนครมุมไบผู้ต้องหารวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ได้คิดค่าบริการ 10-17 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส (ประมาณ 330-560 บาท) โดยมีผู้เสียหายเกิน 2,600 คนที่ได้จ่ายเงินให้แล้ว[264]
เมนูนำทาง
วัคซีนโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า สังคมและวัฒนธรรมใกล้เคียง
วัคซีนโควิด-19 วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทค วัคซีนโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา วัคซีนโควิด-19 สปุตนิกวี วัคซีนโควิด-19 BBIBP-CorV ของซิโนฟาร์ม วัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน วัคซีนโควิด-19 ของโนวาแวกซ์ วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแว็ก วัคซีนโควิด-19 ของเกาตวานแหล่งที่มา
WikiPedia: วัคซีนโควิด-19 ของออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า http://www.nature.com/articles/d41586-021-00315-5 http://www.theguardian.com/society/2021/apr/08/spa... http://www.theguardian.com/world/2020/nov/26/scrut... http://www.ema.europa.eu/ema/index.jsp?curl=/pages... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/18227861 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/32861315 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33230278 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33306989 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33323376 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/33501433